สำหรับผู้ประกอบการที่ขายสินค้าออนไลน์อยู่แล้ว หรืออยากจะเพิ่มช่องทางการขายของออนไลน์ โดยมีเป้าหมายคือการสร้างกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ การขายของผ่านแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ขายของออนไลน์ต่างประเทศ นับเป็นช่องทางการขายที่น่าสนใจ แต่จะมี Marketplace แบบใดที่น่าไปเปิดแผงบ้าง แล้วต้องอาศัยเทคนิคการขายอย่างไรถึงจะช่วยโกยรายได้ให้สุดปัง เรามีเทคนิคดี ๆ มาแนะนำกันที่นี่เลย
แจกลิสต์แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ต่างประเทศ
ในปัจจุบันมีเว็บขายของต่างประเทศ ให้เลือกใช้บริการอยู่มากมาย ซึ่งเราได้รวบรวมเว็บไซต์ที่ผู้ขายชาวไทยนิยมใช้งาน พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียให้ได้รู้กัน ดังนี้
Amazon
Amazon เป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่รองรับสินค้าหลากหลายประเภท จึงมักเป็นเว็บขายของออนไลน์ต่างประเทศแรก ๆ ที่ผู้ขายในไทยนึกถึงกัน ส่วนขั้นตอนการสมัครก็แสนง่าย เพียงเข้าไปที่ https://sell.amazon.co.th/sell หลังจากนั้นก็ทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ได้เลย
ข้อดี
- ค่าธรรมเนียมในการลงขายสินค้าคุ้มค่า
- มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ เข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก
- ใช้งานง่าย ผู้ที่เริ่มต้นขายของออนไลน์ก็สามารถใช้ได้
- มีระบบ Fulfillment Center ช่วยบริหารจัดการคลังสินค้าและจัดส่งสินค้า
ข้อเสีย
- มีผู้ขายจำนวนมาก ทำให้การแข่งขันที่ค่อนข้างสูง
eBay
eBay เป็นเว็บขายของออนไลน์ต่างประเทศ ที่เหมาะสำหรับผู้ขายทุกระดับ รองรับทั้งสินค้ามือหนึ่งและมือสอง มีระบบประมูลสินค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่ผู้ขาย สามารถสมัครขายสินค้าได้ทาง https://ebaythailand.co.th/ebay-store/ เลือก New Sellers Start Here และทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ได้เลย
ข้อดี
- ใช้งานง่าย มือใหม่ก็สามารถเริ่มต้นขายได้
- ขายสินค้าได้หลากหลายชนิด
- มีระบบประมูลสินค้า ช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าที่เป็นลิมิเต็ด หรือสินค้าหายาก
ข้อเสีย
- มีค่าธรรมเนียมในการขายสินค้าแต่ละชิ้น
- มีการแข่งขันสูงเช่นเดียวกับ Amazon
Etsy
Etsy เป็นเว็บไซต์และแอปขายของต่างประเทศ ที่เหมาะสำหรับผู้ขายสินค้าแฮนด์เมด สินค้าทำมือ งานคราฟต์ เน้นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ สามารถสมัครขายสินค้าได้ง่าย ๆ เพียงคลิกไปที่ https://www.etsy.com/ จากนั้นให้เลื่อนไปด้านล่างสุด แล้วเลือก Sell on Etsy เลือก Open your Etsy Shop และทำตามขั้นตอนที่ในเว็บไซต์ระบุไว้ได้เลย
ข้อดี
- ฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่ม การแข่งขันไม่สูง
- ค่าธรรมเนียมไม่สูงมากจนเกินไป
- แอปและเว็บไซต์ใช้งานสะดวก เริ่มต้นขายสินค้าได้ง่าย
ข้อเสีย
- ขายได้เฉพาะของแฮนด์เมด ทำให้กลุ่มลูกค้าค่อนข้างจำกัด
- ไม่เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการขายในจำนวนมาก
Pinkoi
Pinkoi เป็นแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ต่างประเทศ เน้นสินค้าดีไซน์และงานฝีมือ เช่น เสื้อผ้า, เครื่องประดับ และกระเป๋า สามารถลงขายสินค้าได้ทาง https://en.pinkoi.com/ เลย
ข้อดี
- ไม่เสียค่าเปิดสตูดิโอและค่าลงขายสินค้า
- จัดการสตูดิโอได้ในสไตล์ของตนเอง
- ไม่จำกัดจำนวนในการลงขายสินค้า
ข้อเสีย
- เน้นกลุ่มลูกค้าในเอเชีย ฐานลูกค้าจึงค่อนข้างแคบกว่าเว็บไซต์อื่น ๆ
- สินค้าจะเป็นประเภทเดียวกัน ทำให้การแข่งขันค่อนข้างสูง
Alibaba
Alibaba เหมาะกับการขายสินค้าจำนวนมาก เน้นการขายส่งหรือและการค้าระหว่างธุรกิจ (B2B) เป็นเว็บไซต์ขายของจากจีนที่มีมาตรฐาน และค่อนข้างได้รับการยอมรับ สามารถสมัครเข้าใช้งานได้ทาง www.alibaba.com โดยเลือก Sale on Alibaba กด For Global Seller ทำตามขั้นตอนในการสร้างบัญชีได้เลย
ข้อดี
- ฐานลูกค้า B2B ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการหาพันธมิตรทางธุรกิจ
ข้อเสีย
- ค่าธรรมเนียมค่อนข้างสูง เน้นการขายส่ง ไม่เหมาะกับสินค้าขายปลีก
Shopify
Shopify เหมาะสำหรับผู้ขายที่ต้องการสร้างร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง สามารถลงขายสินค้าได้หลากหลาย ปรับแต่งหน้าร้านได้ตามต้องการ เป็นแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ต่างประเทศ ที่ได้รับความนิยมจากผู้ขายชาวไทยเช่นเดียวกัน ส่วนการสมัครใช้งานก็ทำได้เพียงเข้าสู่เว็บไซต์ https://www.shopify.com/ แล้วทำตามขั้นตอนได้เลย
ข้อดี
- ควบคุมร้านค้าได้เองทั้งหมด เหมือนเป็นเว็บไซต์ของแบรนด์
- ปรับแต่งหน้าร้านได้อิสระ รองรับการขยายธุรกิจได้ดี
ข้อเสีย
- ต้องทำการตลาดเพื่อหาลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์ด้วยตัวเอง
- ต้องดูแลระบบร้านค้าเอง ค่าใช้จ่ายในการสร้างและดูแลร้านค้าค่อนข้างสูง
เทคนิคโกยรายได้จากเว็บขายของออนไลน์ต่างประเทศ
วิเคราะห์ตลาด
สิ่งสำคัญประการแรกก่อนที่จะขายสินค้าออนไลน์ไปยังตลาดต่างประเทศ คือการเลือกสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย โดยควรศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค แนวโน้มตลาด และคู่แข่งในประเทศนั้น ๆ อย่างละเอียด เพื่อที่จะได้เลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและมีศักยภาพในการทำกำไร ซึ่งสินค้าไทยที่มักได้รับความนิยมในต่างประเทศก็จะมีทั้ง ผลิตภัณฑ์สปา อาหารไทย และสินค้างานฝีมือไทย
วางกลยุทธ์การตลาด
กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ นับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมาก ที่สามารถช่วยดึงดูดลูกค้าต่างชาติ โดยควรใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ เช่น
- การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าการค้นหา ในกลุ่มเป้าหมาย
- ใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างการรับรู้แบรนด์
- สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและเหมาะสมกับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
เลือกเว็บขายของต่างประเทศที่เหมาะสม
เนื่องจากแพลตฟอร์มและเว็บไซต์ขายของออนไลน์ต่างประเทศ มีให้เลือกใช้บริการมากมาย ผู้ขายจึงควรพิจารณาข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแพลตฟอร์ม และเลือกให้เหมาะกับสินค้าและกลยุทธ์ทางธุรกิจด้วย
เข้าใจภาษีอากร
การขายสินค้าไปต่างประเทศมีประเด็นด้านภาษีที่ต้องระมัดระวัง ควรศึกษากฎระเบียบภาษีของประเทศปลายทางให้เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีการขาย (Sales Tax) และภาษีศุลกากร รวมไปถึงข้อกำหนดในการนำเข้าสินค้าแต่ละประเภท เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการส่งสินค้าที่อาจตามมา หรือต้องเสียค่าภาษีจนขาดทุน โดยสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและภาษี เพื่อให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง
บริการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ
ในส่วนของขั้นตอนการจัดส่งสินค้า ควรเลือกใช้บริการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ที่พร้อมดูแลในขั้นตอนพิธีการศุลกากรต่าง ๆ รวมถึงให้คำแนะนำเรื่องภาษีได้อย่างครอบคลุม เพื่อให้ผู้ขายสามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย และถึงที่หมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย
สำหรับผู้ขายที่ต้องการเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ กับเว็บขายของออนไลน์ต่างประเทศ มาเลือกใช้บริการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้การส่งพัสดุไปอเมริกาหรือประเทศอื่น ๆ ให้เป็นเรื่องง่ายกับ สบาย เอ็กซ์เพรส (Sabuy Express)เราพร้อมดูแลแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ขอใบอนุญาต ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดตามสถานะขนส่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ 02-026-8996 หรือ https://lin.ee/E6PHauT
แหล่งอ้างอิง
- Top 5 เว็บขายของออนไลน์ ยอดนิยม รายได้พุ่ง ช่วยเสริมงานประจำ. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 จาก https://lineshoppingseller.com/best-selling-technique/73-top-5-popular-online-selling-websites