การที่โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามในเอกสารคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) เพื่อเดินหน้ามาตรการตั้งกำแพงภาษี (Tariff) ได้สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นตลาดอันดับหนึ่งของไทย
ดังนั้น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว บทความนี้จะพาไปรู้จักกับภาษีศุลกากร กำแพงภาษี และภาษีตอบโต้ทางการค้า ที่แม้จะดูคล้ายกันในเชิงผลกระทบ แต่ก็แตกต่างกันในเรื่องของรายละเอียด ทั้งในแง่ของเจตนาและกลไกการเก็บภาษี พร้อมกับไปรู้ถึงแนวทางการรับมือที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการทำธุรกิจ
ภาษีศุลกากร คืออะไร ?
ภาษีศุลกากร หรือ Customs Tariff คือภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากสินค้าที่มีการนำเข้า (Import) หรือส่งออก (Export) ข้ามพรมแดนประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค วัตถุดิบ หรือสินค้าอื่น ๆ
จุดประสงค์หลัก
- ควบคุมปริมาณและชนิดของสินค้าที่เข้ามาในประเทศ
- ป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย
- เก็บรายได้ให้กับประเทศ
- เป็นเครื่องมือในการเจรจาการค้า
สำหรับผู้ประกอบการ การเข้าใจอัตราภาษีศุลกากรเป็นสิ่งสำคัญ เพราะภาษีที่ต้องจ่ายอาจกลายเป็นต้นทุนแฝงที่กระทบต่อกำไรโดยตรง
กำแพงภาษี คืออะไร ?
กำแพงภาษี หรือ Tariff คือภาษีศุลกากรที่รัฐบาลจัดเก็บจากสินค้านำเข้า โดยเรียกเก็บจากบริษัทผู้นำเข้าสินค้าในประเทศปลายทาง
จุดประสงค์หลัก
- ปกป้องผู้ผลิตในประเทศจากการแข่งขันของสินค้านำเข้า
- ส่งเสริมการใช้สินค้าในประเทศ
- สร้างรายได้ให้แก่รัฐ
- ควบคุมดุลการค้า
ผลจากการขึ้นกำแพงภาษีอาจทำให้ราคาสินค้าต่างประเทศสูงขึ้น จึงเอื้อต่อการแข่งขันของสินค้าภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบทางลบต่อประเทศคู่ค้าซึ่งเป็นผู้ส่งออก
ภาษีตอบโต้ทางการค้า คืออะไร ?
ภาษีตอบโต้ทางการค้า หรือ Reciprocal Tariff คือภาษีนำเข้าที่ประเทศหนึ่งกำหนดขึ้นมา เพื่อตอบโต้หรือต่อรองกับนโยบายภาษีจากประเทศคู่ค้า
หลักการทำงานของภาษีตอบโต้ทางการค้า
- หากประเทศ A ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศ B
- ประเทศ B อาจตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศ A ในระดับที่เทียบเคียงกัน
ภาษีตอบโต้ทางการค้าทำให้ราคาสินค้าของทั้งสองฝ่ายปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการค้าลดลงและเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนมากขึ้น ดังนั้น ธุรกิจควรบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบในช่วงที่เกิดมาตรการลักษณะนี้
ผลกระทบจากการขึ้นภาษีในวงกว้าง
การตั้งกำแพงภาษีไม่เพียงกระทบต่อผู้นำเข้าและผู้ส่งออกโดยตรงเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือนไปยังระบบเศรษฐกิจโดยรวมในหลากหลายมิติ ได้แก่
ราคาสินค้าปลายทางสูงขึ้น
เมื่อสินค้านำเข้าต้องเสียภาษีมากขึ้น ราคาจำหน่ายปลายทางย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย ผู้บริโภคจึงอาจลดการใช้จ่ายลง ส่งผลกระทบต่อยอดขายและรายได้ของผู้ประกอบการ
การลงทุนชะลอตัว
ความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีทำให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศที่มีความเสี่ยงด้านการค้า ส่งผลให้การลงทุนทั้งในภาคการผลิตและการตลาดชะลอตัวลง
กลยุทธ์ในการรับมือกับกำแพงภาษีสำหรับผู้ประกอบการส่งออก
แม้ผู้ประกอบการจะควบคุมนโยบายกำแพงภาษีไม่ได้โดยตรง แต่ก็สามารถบริหารความเสี่ยงได้เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไปต่อ ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้
1. ศึกษาระบบภาษีของประเทศคู่ค้าอย่างละเอียด
ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจกับระบบภาษีศุลกากรของประเทศที่ส่งออกสินค้าไป รวมถึงการจำแนกพิกัดสินค้า อัตราภาษี และข้อยกเว้นต่าง ๆ เพื่อวางแผนการส่งออกได้อย่างเหมาะสม
2. ใช้สิทธิประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA)
หลายประเทศมีข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัน ซึ่งช่วยลดหรือยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าบางประเภท ผู้ประกอบการควรตรวจสอบว่าสินค้าของตนสามารถใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ได้หรือไม่
3. กระจายความเสี่ยงด้วยการเปิดตลาดใหม่
การพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไปอาจทำให้ธุรกิจมีความเสี่ยงสูงหากตลาดนั้นมีการขึ้นกำแพงภาษี การขยายตลาดไปยังประเทศอื่นจะช่วยกระจายความเสี่ยงและลดผลกระทบจากกำแพงภาษีได้
4. ปรับปรุงต้นทุนและประสิทธิภาพการผลิต
การลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันแม้จะต้องเผชิญกับกำแพงภาษีที่สูงขึ้น
5. ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรการค้า
หน่วยงานอย่าง DITP หรือหอการค้าไทยมีข้อมูลและความช่วยเหลือสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษี ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้อย่างมั่นใจ
6. มีพาร์ตเนอร์เป็นบริษัทขนส่งที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษีศุลกากร
การร่วมมือกับบริษัทขนส่งที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น Sabuy Express ที่ให้บริการโลจิสติกส์และภาษีศุลกากรครบวงจร จะช่วยลดความซับซ้อนในการส่งออก พร้อมกับช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น

การตอบโต้ทางการค้าและสงครามการค้า
หากประเทศหนึ่งขึ้นกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้า ประเทศคู่ค้าอาจตอบโต้ด้วยมาตรการเดียวกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดสงครามการค้าและสร้างความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
การดำเนินนโยบายขึ้นกำแพงภาษีจากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน หรือกลุ่มสหภาพยุโรป อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม และทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง
ดังนั้น ผู้ประกอบการควรเตรียมแผนธุรกิจที่ยืดหยุ่น และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาษีอย่างต่อเนื่อง
พร้อมรับมือกับปัญหากำแพงภาษี ด้วยการมีพาร์ตเนอร์ดี ๆ อย่าง Sabuy Express
การส่งพัสดุไปอเมริกาในยุคที่โลกการค้าเต็มไปด้วยความผันผวนจากนโยบายกำแพงภาษี จำเป็นต้องมีพาร์ตเนอร์ที่เชื่อถือได้และเข้าใจทุกขั้นตอนของการส่งออก
Sabuy Express คือพาร์ตเนอร์ที่คุณไว้วางใจได้ ด้วยบริการส่งพัสดุไปอเมริกาแบบครบวงจร ราคาประหยัด ขนส่งปลอดภัย พร้อมระบบติดตามสถานะพัสดุแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง หากคุณกำลังมองหาทางออกที่ช่วยลดความยุ่งยากจากปัญหากำแพงภาษี พร้อมบริการแบบมืออาชีพและเป็นกันเอง สามารถติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-026-8996 หรือ https://lin.ee/E6PHauT
แหล่งอ้างอิง
- ตั้ง Tariff! ขึ้นกำแพงภาษี! สรุปแบบย่อยง่าย ทรัมป์ทำอะไรกับเศรษฐกิจโลก. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 จาก https://thematter.co/quick-bite/trump-tariffs/238041
- การกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/34934